ผู้ติดตาม

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เปนคนดี มีความปรองดอง สามัคคึ เพื่อในหลวงกันเถอะ...


ความสามัคคี
สามัคคีที่สำคัญที่สุดคืออะไร ก็คือ สามัคคีในชาติ ไม่ใช่ว่า ความสามัคคีในคณะไม่ดี แต่ต้องระวัง ถ้าสามัคคีกัน แต่ว่าไป ก้าวก่ายหรือไปทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ในสถาบันก็เป็นความผิด ถ้าสามัคคีในสถาบันไปทำให้คนอื่นเสียหายหรือเดือดร้อนก็ไม่ดี เพราะทำให้เสียหายต่อสามัคคีของชาติ ………
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: ๓ เมษายน ๒๕๐๓)

สามัคคีกัน ปรองดองกัน นี่ความหมายของความสามัคคี ใครๆ ก็บอกว่า ให้สามัคคีปรองดองกัน ช่วยเหลือเพื่อประเทศชาติ แต่แปลว่าอะไรก็ไม่รู้ ถ้าคนหนึ่งคนใดในที่ประชุมนี้ เรียกร้องพื้นที่สำหรับยืนเกินจำเป็น โดยอ้างความสุขส่วนตัว คนอื่นก็ต้องประท้วง เราทั้งหลายอยู่ได้ก็เพราะว่า มีความสามัคคีปรองดองกัน
(พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๑๗)


ความสามัคคี ๔๕
ที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพราะว่า ตามที่ได้กล่าวเมื่อตะกี้ว่า แต่ละคนจะตั้ง อยู่ในความสามัคคี ช่วยร่วมแรงกัน เพื่อปฏิบัติงานที่เป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ต่ออะไร ตอนนี้ก็ต้องบอกว่า เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม หรือต่อชาติบ้านเมือง เชื่อว่าท่านทั้งหลายก็มีความปรารถนาดีโดยแท้ –ไม่ใช่ดีบ้างไม่ดีบ้าง- ว่าตั้งใจที่จะเข้าหากัน ร่วมแรงกันปฏิบัติงาน เพื่อส่วนรวม เพื่อประเทศชาติ
(พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๑๙)
คำว่า “สามัคคี” นี้ขอวิเคราะห์ศัพท์ ว่าเป็นการกระทำของแต่ละคน ทำความดีเว้นจากความไม่ดี มีความเข้าใจซึ่งกันและกันของแต่ละบุคคล อย่างนี้ถ้าชาติสามัคคี ชาติก็ไม่แตกสลาย คุมไว้ติด คำว่าคุมนี้ อาจจะไม่ชอบกันเพราะเหมือนควบคุมเพราะเหมือนควบคุม เหมือนคุมขัง แต่คุมหมายความว่าอยู่ติด อยู่เป็นชาติได้
(พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๒๑)
อีกอย่างหนึ่งที่จะแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ได้ ก็ได้พูดแล้ว ท่านก็คงได้ฟังแล้ว ได้พูดเมื่อวานนี้เองในพิธีสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ตอนแรกได้พูดว่า คนไทยเรา ที่รักษาเอกราชอธิปไตยไว้ได้ก็โดยอาศัย การที่ “รู้จักความสามัคคีและรู้จักทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้ประสานส่ง


๔๖ ประมวลคำในพระบรมราโชวาท
เสริมกัน” ความจริงเขียนไว้ว่า “รู้รักความสามัคคี” ....... การที่จะ รู้จักสามัคคี ก็ลำบากมาก เพราะคนมากๆ รู้จักกันทั่วถึงไม่ค่อยได้ แต่รู้รักสามัคคี ควรจะใช้ได้เพราะหมายความว่า ทุกคนถือว่าตน เป็นคนไทยมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ทุกคนรู้ว่าต้องมีความสามัคคี รู้ ก็คือ ทราบ ทราบความหมายของสามัคคี รัก คือ นิยม นิยม ความสามัคคี เพราะเหตุใดคนไทยจึง รู้รักสามัคคี ก็เพราะคนไทย นี่ฉลาด ไม่ใช่ไม่ฉลาด คนไทยนี่ฉลาดรู้ว่า ถ้าหากเมืองไทยไม่ใช้ ความสามัคคี ไม่เห็นอกเห็นใจกัน ไม่ใช้อะไรที่จะพอรับกันได้ พอที่จะใช้ได้ ก็คงจะไม่ได้ทำอะไร หมายความว่า ทำมาหากิน ก็ไม่ได้ทำมาหากิน เพราะว่าไม่มีอุปกรณ์ ไม่มีความสงบ จะต้อง รู้รักสามัคคี หมายความว่า รู้จักการอะลุ่มอล่วยกัน แม้จะไม่ใช่ถูกต้องเต็มที่ คือหมายความว่า ไม่ถูกหลักวิชาเต็มที่ ก็จะต้องใช้ เพราะว่าถ้า ไม่ใช้ ก็ไม่มีอะไรใช้ อาจมีสิ่งที่มีอยู่แล้วที่จะใช้ไปได้ชั่วคราว คุณภาพ อาจไม่ค่อยดีนัก ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าต้องใช้อะไรที่พอใช้ได้ไป ไม่อย่างนั้นไม่มีวันที่จะมีชีวิตรอดได้ ..... ตอนนี้ ถ้าราษฎร รู้รักสามัคคี เขาจะเข้าใจว่าเมื่อเขามีรายได้ เขาก็จะยินดี เสียภาษี เพื่อช่วยราชการให้สามารถทำโครงการต่อไปเพื่อความก้าวหน้าของประเทศชาติ ถ้าราษฎร รู้รักสามัคคี และรู้ว่า การเสียคือการได้ ประเทศชาติก็จะก้าวหน้า เพราะว่าการที่คนอยู่ดีมีความสุขนั้น เป็นกำไรอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งนับเป็นมูลค่าเงินไม่ได้ ...... การปฏิบัติโดยวิธีการที่อาจไม่ถูกหลักวิชานัก แต่ประกอบด้วยความเมตตาด้วยความสามัคคี



ความสามัคคี ๔๗
คือ รู้รักสามัคคี นี้เอง ก็คงจะทำให้อยู่กันได้ต่อไป ....... ความจริงประเทศไทยนี้ก้าวหน้ามามากแล้ว และก็ก้าวหน้ามาอย่างสม่ำเสมอ ไม่เร็วเกินไปไม่ช้าเกินไป สิ่งที่สำคัญ ก็คือต้องใช้หลักที่พูดเมื่อวานนี้ แต่พูดผิดพลาดไป วันนี้จึงมาแก้เสียยืดยาว แก้คำเดียว แก้คำว่า จัก เป็น รัก หรือ รัก เป็น จัก ก็ขอให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจว่า เมื่อวานนี้ พูดผิดยอมรับ เขียนไว้อย่างดีว่า “คนไทย รู้รักความสามัคคี” ไพล่ไปพูดว่ารู้จักความสามัคคี ซึ่งก็ไม่ผิดนัก แต่รู้รักความ สามัคคี นั้นซึ้งกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เข้าใจว่าท่านทั้งหลายก็จะซึ้ง และรู้รักความสามัคคี
(พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๓๔)
ยังไม่ได้พูดคำที่เคยพูดทุกครั้ง คือ ต้องสามัคคีกัน ต้องไม่ปัดขากันมากเกินไป แต่ว่าไม่ได้หมายความว่า จะต้องทำแบบที่บางคนนึกจะทำจะต้องให้ทุกคนมีโอกาสทำงาน ทำงานตามหน้าที่ เมื่อทำงานตามหน้าที่แล้วก็ต้องหวังดีต่อผู้อื่นนี้เป็นหลักที่สำคัญ ต้องทำงานด้วยการเห็นอกเห็นใจกันและทำด้วยความขยันหมั่นเพียร
(พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๔๐)



๔๘ ประมวลคำในพระบรมราโชวาท
ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดี มาอวยพรแก่ท่านทุก ๆ คน ทั้งขอขอบใจท่านเป็นอย่างมาก ที่มีไมตรีจิตร่วมมือ สนับสนุนข้าพเจ้า ในภาระทั้งปวงด้วยดีตลอดมา ในรอบปีที่ผ่านไป มีเหตุการณ์หลายอย่าง เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ที่สำคัญควรแก่การชื่นชม เป็นพิเศษ ก็คือการที่นักกีฬาของเรา ได้เหรียญทอง และเหรียญทองแดง ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ตกถึงปลายปี ก็มีเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดใจ คือเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ภาคใต้ เป็นผลให้ชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนต้องสูญเสียไปมิใช่น้อย แต่ภัยพิบัติครั้งนี้ ก็ทำให้ได้เห็นน้ำใจ และความสามัคคีของคนไทย อย่างเด่นชัดอีกครั้งหนึ่ง เราต่างพร้อมใจ และเต็มใจช่วยเหลือกันและกันทันที โดยเต็มกำลังและเสียสละ ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี ถึงความสามัคคี และความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน ที่ยังมีบริบูรณ์ อยู่ในจิตใจของคนไทย ทำให้มั่นใจได้ว่า ไม่ว่าประเทศของเรา จะประสบกับปัญหา หรือภาวะอันไม่ปรกติใด ๆ คนไทยเราจะหันหน้าเข้าหากัน และร่วมมือร่วมใจกัน ปฏิบัติแก้ไข ให้ผ่านพ้นปัญหา หรือภาวการณ์นั้น ๆ ไปได้อย่างแน่นอน
(พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ : ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๓)
ก่อนลงมานี้ มิได้ตั้งใจจะมาพูดเรื่อง เรื่องพัฒนา ตั้งใจจะมาพูดถึงเรื่อง เรื่องความหายนะ ซึ่งปัจจุบันนี้ ทุกคนทราบดีว่า ประเทศดูเหมือนว่า จะหายนะ ไม่ใช่ พัฒนะ ไม่ใช่วัฒนะ เพราะว่า เดี๋ยวนี้อะไรๆ ดูจะเสื่อมลง ทางนายกฯ ดูนั่งทำหน้ามุ่ย รู้สึก รู้สึกไม่พอใจที่บอกว่า ประเทศหายนะ



ความสามัคคี ๔๙
แต่เป็นความจริง เพราะว่า ทำอะไรมันดูมีปัญหาทั้งนั้น แต่สำหรับท่านนายกฯ น่ะไม่มี นายกฯ Happy แต่ว่า Happy ข้างนอก ดูท่าทาง Happy แต่ข้างในไม่สบายใจ ก็ว่าไม่รู้จะทำยังไง เพราะว่าไม่ก้าวหน้า แต่ยังไง การก้าวหน้านั้น นายกฯ ก็ได้ให้สูตรไว้แล้วว่าทำยังไงให้ก้าวหน้า คือ จะต้องสามัคคีกัน ร่วมกันทำ แล้วถ้าร่วมกันทำ มันก้าวหน้าได้ แต่ถ้า ไม่ร่วมกันทำ ไม่ ไม่มีทางก้าวหน้า
(พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๔๔)
คำว่า ปรองดอง คำว่า สามัคคี สำคัญมาก ต้องมาหาทางที่ ที่มารวมปรองดองได้ แต่ว่าที่เป็นอย่างนี้ คน ๒ คน ความคิดไม่เหมือนกัน มีไม่เหมือน มีให้เหมือนกันไม่ได้ คน คนแต่ละคนมีความคิดต่างกัน มีแนวชีวิตคนละอย่าง ได้เรียนรู้มาคนละอย่าง ได้มีประสบการณ์มาคนละอย่าง แต่ว่าถ้ามา มาสัมมนากันน่ะ เชิงปฏิบัติการ ก็จะสำเร็จได้
(พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๔๔)
การก้าวหน้านั้น นายกฯ ก็ได้ให้สูตรไว้แล้วว่าทำยังไงให้ก้าวหน้า คือ จะต้องสามัคคีกัน ร่วมกันทำ แล้วถ้าร่วมกันทำ มันก้าวหน้าได้ แต่ถ้าไม่ร่วมกันทำ ไม่ ไม่มีทางก้าวหน้า
(พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : ๔ ธันวาคม ๒๕๔๔)

คำกล่าวเปิด โครงการ ความรู้เกี่ยวกับพรรคการเมือง และ การเลือกตั้ง



ประจำปี พศ .2553

วันที่ 22 ก.ค 2553 ดร.สดศรี สัตยธรรม กรรมการ การเลือกตั้ง ประธานในพิธี
ณ.ห้องประชุม ศูนยวิทยพัฒนา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช

ท่านรองผู้ว่าฯอุบลฯ
ท่านผู้พิพากษาหัวหน้าศาล อุบลฯ
กรรรมการเลือกตั้งประจำจังหวัดอุบลฯ
ผู้บังคับการตำรวจ
อธิการบดี สถานศึกษา ทั้ง 4 แหง
และ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ทุกท่าน

ผมนำคำกล่าวบางส่วน มาเขียนไว้ ส่วนรายละอียดไปชมที่ tv 11 อบลฯ ผมเห็นช่างภาพ นักข่าวมา และ บันทึกวิดีโอไว้ ส่วนคำกล่าวมีดังนี้


ดิฉัน รู้สึก ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป้นประธานในพิธีเปิดการจัดกิจกรรมตามโครงการเผยแพร่ความรู้เก่ยวกับพรรคการเมือง และ การเลือกตั้ง ประจำปี 2553 ที่สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งประจำจังหวดอุบลราชธานี จัดขึ้นในวันนี้

การจัดกิจกรรมวันี้ ดิฉัน ต้องขอบคุณ วิทยกรทุกท่าน ที่เสียสละเวลา อันมีค่ามาให้ความรู้ปก่ผู้เข้าร่วมกิกรรม ขอขอบคุณกรรมการสาขาพรรค สมาชิกพรรคการเมือง นิสิต นักศึกษา จากมหาวิทยาลัยอุบลราชานี มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชานี มหาวิทยาลัยราชานี มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทร์น ประธานสภาเด็ก และ เยาวชนจังหวัดอุบลราชธานี และ ผู้มีเกียรติทุกท่านที่ได้มาร่วมพิเปิดกิจกรรมในวันนี้....

บัดนี้ ได้เวลาอันสมควรแล้ว ดิฉัน ขอเปิดการจัดกิจกรรมตามโครงการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพรรคการเมือง และ การเลือกตั้ง ประจำปี 2553 ของสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งประจำจังหวัดอุบลราชธานี ณ บัดนี้..........

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ฟุตบอลไทยปูทางสู่แชมป์โลก

วันนี้ 21 กค 2553 ได้เขียน อัพ บล็อก อีกครั้งหนึ่ง ที่ วิทยาลัยเทคนิคอุบลฯ ไม่รู้เป็นไร เครื่องช้า และ เน็ตหลุดบ่อยมากๆ

กให้ วงการ ict พัฒนาเป็นศูนย์กลาง ไอที มี speed เพิ่มขึ้น หรือ การสร้าง ราวเตอร์ มากขึ้น และ เซิฟเวอร์ ซึ่งต้องประสานงานอุตสาหกรรม และ เทคโนโลยีต่างชาติ ผม ได้ยิน ไทย มี ซอฟแวร์ ปาร์ค เปนของตนเองแล้ว แต่ ทำไมยังไม่ค่อยมี hardware park บ้าง เปนโรงงานอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์เน็ตwork.......

ชื่อบทความ ไม่รู้เกี่ยวข้อง กับ อุตสาหกรรม computer network หรือ เปล่า จั่วหัว ว่า ฟุตบอลไทยปูทางสู่แชมป์โลก ยังไงๆผมจะพยามยาม นำมาเกี่ยวข้องกัน จนได้ .......อย่าง คอมพิวเตอร์ ใช้เล่นเกมส์ ฟุตบอล พีเมียลีก อย่าง พวกเด็กๆเล่นกัน บนห้างสรรพสินค้าต่างๆ เป็นการคลายเครียด จากการเรียน อย่างหน้าดำคร่ำเครียดได้บ้าง.......ซึ่งผู้ผลิตเกมส์ สร้างความร่ำรวย ได้อย่างมหาศาล เลือกเล่น เกมส์ที่สร้างสรรค์ ก็แล้วกัน ......อย่างเกมส์ sim city เกมออกแบบสร้างเมือง เปนต้น.....

หาก เขียนเรื่อง ฟุตบอลไทย ซึ่ง กำลังเปนที่นิยมของ เด็กไทย เล่นได้ ผู้ใหญ่เล่นดี สร้างเศรษฐกิจ เงินหมุนเวียน ได้ ข้อมูลที่กระทรวงท่องเที่ยวและ กีฬา กำลังตั้งเป้า ให้ฟุตบอลไทย ติด อันดับ 3 ให้ได้ ของเอเชีย หลังอันดับ ร่วงหล่น ไปที่ 7-11 กว่าแล้ว

ส่วนจะทำอันดับฟุตบอลที่ อันดับ 3 ทำได้ไม่ได้ ก็คอยติดตามดู ผมเองก็เอาข่าวมาเล่าต่อ จาก ข้อมูลข่าวกระทรวงท่องเที่ยวกีฬา ซึ่งอีก 4 ปี ควรจะเข้ารอบ ถ้าไม่ตกรอบเสียก่อน หรือ เป็น 8ปี หรือ 16 ปี ข้างหน้า น่าจะไม่เกิน 100 ปี


ตามข้อคิดเห็นผม ตามความเท็จจริง การวางแผนของโค้ช มีหน้าที่ เป็นมันสมอง ที่สุดของการสร้างทีม และ ความสามารถของนักเตะ ที่พาทีมไปฟุตบอลโลกได้ ต้อง เก่งและ แข็งแกร่งจริงๆถึงจะเป็นแชมป์โลกได้ ถ้ามีโค้ชระดับสมองเพชรสร้างพัฒนาทีมและวางแผนสู่แชมป์โลก อยู่ที่ฌค้ช นั่นเอง.... ต้องเที่ยวจ้องตระเวนหาเป็นแมวมอง นักเตะฝีเท้าระดับพระกาฬ ทักษะ ความสามารถสูงมาอยู่ในทีม......

สูตรสำเร็จในความเห็นผม + ความสามารถความแข็งแกร่งของร่างกาย เฉพาะตน และ มีทีมwork ที่ดี

ตามเกณฑ์โค้ชส่วนมาก ซึ่งผมเคยเป็นโค้ชแนะนำ และ ทำนายล่วงหน้า ทีมฟุตบอลใด แพ้ และ ชนะ มักจะเป็นความจริง อย่างเช่น ผมส่งไปรษณียบัตร ไปร่วมลุ้นรางวัล กับ ไทยรัฐ และ กระป๋องกาแฟเบอร์ดี้ หรือ sms ทาย สเปน เป็นแชมป์โลก ล่วงหน้า ถึง 15 กว่าวัน ถูกต้อง แต่ไม่รู้จะได้รางวัลหรือไม่กHไม่รู้ เพราะคนไทยส่งไปลุ้น เยอะ เป็นกองสูงเป็นภูเขาเหล่ากา เต็มโกดังไทยรัฐตามข่าว...


ผมก็ไม่อยากได้อะไรมาก ได้เป็นเงินทอง ก็ดี ไว้ ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ออนไลน์ หรือ โน้ตบุ๊ค เพราะสะดวกในการทำหน้าที่ของผม สื่ออินเตอร์ของผม ทั้ง กล้องถ่ายรูป วิดีโอ รถตะเวนหาข่าว ไกลๆ หรือ สถานีสื่อมวลชน เป็นของตนเอง หรือ สมาคมเพื่อนประชาชน มีส่วนร่วม แต่อาจจะเป็นเพียงความฝันหรือ เปนจริงของผมก็ได้ .......

สูตรสำเร็จของโค้ช ตามแนวทางผม มี 5 ข้อ ครับ โค้ชท่านอื่นนำไปใช้ลองดูก็ได้ครับ....
1.speed ของนักกีฬา จับเวลา ความเร็ว ต้องได้มาตรฐานสูงครับ...
2. การครองบอล และ การแย่งลูกบอล มีความสามาถ และ ทักษะ แต่ละคน ทำเวลาช้าที่สุด
3. การเปิดจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีม ต้องแม่น ได้ทิศทางและ น้ำหนัก เบา แรง พอดี ในการรับส่งบอล
4.การควบคุมอารมณ์ ไม่โกรธง่าย เมื่อถูกทำฟาล์ว คู่ แข่งขัน
5.ร่างกายเหมาะสม อึด อดทน แข่งแกร่ง กำยำ วิ่งแรงไม่ตก เหมาะสมการเป็นนักกีฬาฟุตบอล

ส่วนอธิบาย แต่ละข้อ นั้น เชิญอ่านได้ภายหลัง ครับ ในตอนถัดไป........

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สังคมไทยจะพัฒนาถ้ามีใจเปิดกว้าง


มาใช้เครื่องอินเตอร์เน็ต วิทยาลัยเทค นิค ฟรี อีกวันหนึ่งครับ...ขอบคุณเจ้าที่พนักงานวิทยาลัยเทคนิคมากครับที่มีพระคุณเอื้อเฟื้อให้ใช้เวลาและเครื่องมือสื่อสารข้อมูลไปยังสังคมไทย....
ก่อนนี้ ทำหน้าที่ dj ผู้ดำเนินรายการทางสถานีวิทยุ ปรับแผงรายการใหม่ ปรับผมออก เลยไม่ได้ทำอีก แต่ก็มีช่องทางสื่อสารอื่น ๆ เช่น นสพ. และการพูดคุยปากต่อปาก ในชุมชน และการโฟนอินในรายการของสถานีวิทยุที่เปิดโอกาสให้พูดมีส่วนร่วม อย่าง FM98.5MHz. จ-ศ ผมโฟนอินเกือบประจำ แม้ได้พูดน้อย มีคนโฟนอินเยอะ .....ในประเด็นปฎิรูปสื่อ นั้น สังคม ต้องร่วมกันตรวจสอบสื่อ ให้โอกาสประชาชนได้มีส่วนร่วมมากๆอย่าปิดกั้น ผู้ดำเนินรายการก็ควรเปิดใจกว้าง แม้เป็นคำติคำชม ทุกอย่างเป็นข้อมูลทั้งการสร้างสรรค์ ทั้ง บวกและลบ ใจรับพูดรับฟังต้องนิ่งพอ รับสถานการณืที่ทำให้เกิดคสามสงบได้...
สื่อแท้และใจกว้างพอ นั้น ผมเห็นต้องควรเป็นสื่อกลางแท้จริง และ มุมมองความคิดเห็น ของ คุณสุทธิชัย หยุ่น นั้น ก็น่าคิด น่าทำ และ รัฐบาลไม่ควรไปแทรกแซงสื่อ หรือ บุคคลอื่นๆ ให้เขาทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา สร้างสรรค์หรือทำลาย สร้างความกลัวและวุ่นวายให้สังคมไทย นั้น อยู่บนข้อเท็จจริง ประชาชนมีปัญญา ที่แยกแยะสื่อแท้สื่อเทียมได้.....แต่ทั้งนี้ ช่วงระยะนี้ ตั้งแต่มีเหตุการณ์ การเมือง ล่าสุด สังคมประชาชนขัดแย้ง ขาดรัก สามัคคีกันพอสมควร เพราะบางครั้งสื่อบางสื่อทำหน้าที่ผิด สื่อบางสื่อควรรับใช้ประชาชน อย่าไปรับใช้นักการเมืองให้มากนัก เพราะอาจจะถูกจ้างด้วยเงินมหาศาล ข่าวไม่สร้างสรรค์ ดูแล้วเครียด ส่วนมาก สื่อไม่จริงใจรับใช้ประชาชน เป็นสื่อไม่แท้ ประชาชนเขาก็ไม่รับดูรับฟัง ควรสร้างสื่อแท้ๆมากๆ สื่อต้องถูกตรวจสอบได้ ถอดถอนได้ อย่างโปร่งไส....เชื่อถือได้ อยู่ในใจประชาชน ต้อนรับสื่อเอง
ผมเองก็ไม่มีทั้งสื่อ เรดิโอ เพราะไม่มีเป็นเจ้าของ เงินไปซื้อหรือ เช่าเวลาสถานี เพราะเขาไม่อนุญาติ ผมก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไร สถานีของประชาชนแท้ๆมีบ้างมั้ย ทั้ง tv และ radio ส่วน นสพ. ผมเคยเขียนบทความส่งไป ก็ไม่รู้ ตีพิมพ์ ลง หรือไม่ก็ไม่รู้ ไม่มีใครโทรมือถือ มาบอกผมเลย...แต่อย่างไรหากข้อเขียนนี้ สื่อสารไปถึงสื่อทั้งหลาย ให้ผมใช้สื่อ กรุณาติดต่อผมเดี๋ยวนี้.ที่0807285088 หรือไปหาผมที่บ้านหรือ สนามฟุตบอล ตชด.22 ตอนช่วง 5โมงเย็น วัoนี้ ผมจะเป็นผู้ตัดสินเขาจ้างผมเป่านกหวีด 50 ล. รวยเป็นบ้าเลย..จะนำเงินไปสมัครสอบคนสวน ว.เทคนิค อุบลฯ ผมจบปวส.ช่างอีเลคฯมีประสบการณ์สูง น่าจะมีงานดีดีให้ผมมากกว่านี้ เท่าทีไปทำงานอยากกลับไปทำงานให้เจ้าสัว ซีพี เหมือนกัน เห็นมี ทีวี ทรู วิชั่นผ่านดาวเทียม เมื่อก่อนเคยเป็นลูกจ้างบริษัทโลตัส แต่ผมออกชั่วคราวไปช่วยพรรคการเมือง ถ้าเจ้าสัวได้ยิน ติดต่อผมด่วนครับ...ผมกลับไปไม่ได้ถ้า ไม่ได้รับอนุญาติ และสื่ออื่นๆ ถ้าหากได้ทำคนสวนก็จะทำไปก่อนดีกว่าไม่ได้เงินซื้อกาแฟ หรือ ชาเขียว ไว้ซ่อมรถ จักรยาน หรือ เติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซด์ ...หรือ พี่จิ๋ว พี่ชวน ช่วยผมที.

ผมทำหน้าที่ สื่อสารสังคมอินเตอร์เน็ต เท่าที่จะสามารถ ตามรธน.2550 ไม่เคยทำผิด กฎหมาย ส่วนได้ยินข่าวเฟสบุ๊ค มาร์ค 11 ผู้ประกวด af true นั้น โพสต์ความเห็นด่า นายกฯมาร์ค ผมอ่าน หนังสือพิมพ์ ลงข่าว เด็ก นั้น มีสิทธิ์ 18 ปี มีสิทธิ์ ตาม รัฐธรรมนูญ อยู่แล้ว สมัยเด็กกว่านายพลสฤษ เป็นายกรัฐมนตรี ก็เคยมี นายกฯถูกด่า เรื่องธรรมดาครับ....เพราะเรื่องประชาธิปไตย มีสิทธิ์การแสดงออก พูด คิด เขียน ได้ถ้าเป็นเรื่องจริง ไม่กล่าวหากันลอยๆ...

ถ้าผิดจริง ไม่มีเด็ก ไม่มีผู้ใหญ่ดอกครับ ทุกคนเป็นคนไทย อายุ 18 ปี ขึ้นไปมีสิทธิ์ด่าได้ ว่าได้ ถ้าเป็นเรื่องจริงให้คนดีแท้ๆจริงว่าได้ เป็นการสะท้อนข้อมูล แก้ไขปัญหาสังคม จริงๆ ไม่ได้ ส่วนจะทำหรือไม่ทำนั้น เป็นสำนึกของแต่ละคนครับ เรื่องกรรม บาปบุญคุณโทษ พระศาสนพุทธ นั้น เป็นความจริง ผมไม่เคยพูดโกหก

ใครจะเชื่อฟัง หรือ ไม่เชื่อ ไม่อ่าน ผมก็ไม่ได้บังคับ สังคมปวารณา ให้คนดีด่าว่า คนไม่ดีได้ และ กลับตัว ทำตามเป็นคนดีได้ สังคมไทยก็จะมีคนดีมากขึ้นเอง ตัวเขาก็ดี สังคมก็ดี ประเทศดี ไม่เสียหาย เพราะเกิดจากคนไม่ดี มีปัญหา แล้วอย่างนี้ คนไทยไม่ชอบหรือ..ออ


ที่ผมกลับมาเขียนบล็อก กูเกิ้ล อีกครั้งหลังจากหายไปนาน ก็เพราะว่า ไม่รู้ เป็นไร เฟสบุ๊ค ผม มันเข้าไม่ได้ และ วินโดว์ ไลฟ์ สเปรต ผมคิดสังคมไทย ทะเลาะกัน จะแตกแยกกันไปกันใหญ่แล้วนะครับ ...เป็นสังคมคนไทยโกรธกัน และ ไม่เคารพบูชากัน นับถือ ยกย่องคนดี... ให้ออกหน้าออกตา บางทีได้ข้อมูลบิดเบือน ไปหลงโกรธ ลงโทษคนดี อย่างผม หรือ ข่าวที่ นสพ . ลง อาจะมีการกลั่นแกล้ง ตัดต่อ สคิฟ หรือ เขียนข้อมูลผิดๆให้คนหลงเชื่อ แต่ที่ผมเขียนนั้น ผมไม่เคยว่าใคร เอาแต่ความจริงมาเขียน ใคร จะทำเอาเรื่องผม ไปตีข่าวใส่ร้ายปรักปรำ ผม เสียหายก็ควรหยุด.... เพราะตอนนี้มี กฎหมาย พรบ. ควบคุมทางคอมพิวเตอร์ บังคับใช้แล้ว ห้ามล่วงละเมิด ทำผิดต่อกัน อาจจะถูกตำรวจit จับเข้าคุกได้....

ปัจจุปันนี้ ข้อมูลทะลัก ไม่รู้อันไหนจริงอันไหนเท็จ แต่ผมรับรองด้วยตนเอง ที่ผมเขียนนั้นจริง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่นิยม ก็มี hi5, twitter,facebook หรือ อื่นๆ นักเขียนบล็อก นักเรียน นักศึกษา ในวัยเรียน ทำหน้าที่เรียนให้ดีที่สุด เติบโตขึ้นเป็นอนาคตของสังคมของประเทศต่อไป ประเทศไทย จะดีไปรอดรอด สงบสันติ ก็อยู่ที่ คนในประเทศนั่นแหละครับ ส่วนมากคนดัง รู้จักมีชื่อเสียง มักจะมี บล็อกเป็นของตนเอง ถึงจะเขียนประกาศ ใครๆก็มีได้ ไม่จำเป็น ต้องดัง เปนดารา ก่อน และ เปนนักการเมือง ยิ่งจะต้องมีบล็อก หรือ เว็บไซด์ส่วนตัว ไว้สื่อสารกับ และ ยิ่งถ้ามีความรู้ทางเขียนออกแบบโปรแกรม รับจ้างสร้างเว็ปไซด์ รับทำ hi5, facebook, โดยเฉพาะ หารายได้จากโฆษณา บนอินเตอร์เน็ต ทางแบนเนอร์ ก็อาจจะเปนคนรวยกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ในพริบตา.....

ตอนนี้ ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้เงินเลย ถ้า bank ไม่ช่วยให้ผมเบิกเงินสนับสนุน ผมต้องการใช้เงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ตอนนี้ใช้จักรยาน ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว จักรยานผมเก่า ยางแบน เกือบประจำ วันนั้นไปจอด หน้า รพ.ใหญ่ แห่งหนึ่ง พอออกมา ยางแบนเลย.... เลยได้จูงไปเติมลม ที่ร้านซ่อมไกลมาก เคราะห์ดี ทางร้านไม่เรียกเก็บเงิน แต่บางครั้งก็จ่ายเงินซ่อมรถ ซ่อมโซ่ ตกบ่อยๆ ตอนนี้เลิกใช้มอไซด์เพราะไม่มีเงินเติมน้ำมัน ทะเบียนก็หมดอายุ ไปไหนมาไหนอันตรายและเสี่ยงถูก จ่าจราจรตำรวจ เรียกจับ ถูกเฉี่ยวชนง่าย และเปียกฝนง่ายถ้าฝนตก ไม่เหมือนมีรถยนต์ ไปไหนมาไหนไกลๆได้ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ออกตก


ส่วนสังคมออนไลน์อินเตอร์เน็ต ในการศึกษามหาวิทยาลัย ปัจจุปัน นำ สื่อสารออนไลน์อินเตอร์มาใช้ในการเรียนการสอนมากขึ้น อย่าง อีเลินนิ่ง ตอบโต้ สื่อสารทางอีเมล์ พลเมืองประเทศ ควรจะมี ชื่ออีเมล์เป็นของตนเอง อย่างผม ก็มีอีเมล์ sanwonder5@gmail.com จะเป็นการสื่อสารได้รวดเร็ว กว่า การส่งเอกสารไปรษณีย์หลายเท่า ภายใน 1-2 นาที อีเมล์ หรือ จดหมายอีเล็กทรอนิคส์ ก็สื่อสารถึงกัน แล้ว...


บางครั้ง โปรแกรมป้องกันข้อมูลไม่ดี ข้อมูลโดนhag ไวรัส รบกวน มีเวลาสังคม ออนไลน์ 2-3 ชม.ก็พอ แล้งไปเจอกันในสังคมภายนอกอินเตอร์เน็ต ตาม สนามฟุตบอล หรือ ตามวัดตามวาต่างๆ แม้กระทั่งไปมาหาสู่พบกันที่บ้านแต่ละคนเพื่อมีงานปาร์ตี้สังสรรค์กัน.....


ประเด็นการพัฒนาการศึกษา นั้น ก็มีหลากหลาย รูปแบบ หน้าที่ของครู ตามคำสอน ท่านพุทธทาส ครูคือผู้สอนและสร้างโลก หน้าที่สูงส่ง มากกว่าอาชีพ อื่นๆ มีกฎหมายออกมาควบคุมคนทำตามกฎ เพื่อสังคมไทยที่ดีงาม ยุติธรรม นั่นเอง ถ้าได้คนดี ที่หน้าที่ครูอาจารย์ อบรมบ่มสอน ทำให้ดูเปนแบบอย่างที่ดีก็เชื่อว่า ทำหน้าที่ครูได้อย่างแท้จริง...


ครูที่ทำหน้าที่เปนครูสอนโลก ได้อย่างแท้จริง คือ พระพุทธเจ้า พระองค์เป็นบรมครูผู้สอนมนุษย์ชาวโลก และ เทวดา หากการพัฒนาระบบการศึกษา ที่ได้ผลดี ได้คนดีมากขึ้น นั้น สอนให้ทำ ละกิเลส ละบาปบุญคุณโทษได้ มีคุณภาพมีคุณธรรม มีศีลธรรม เปนต้น .....